Sunday, 27 October 2019

โรงไฟฟ้า จบรอบหรือไปต่อ?

ปี 2019 ที่ผ่านมา หุ้นกลุ่มที่ให้ผลตอบแทนเป็นบวกก็มีหลายกลุ่ม ได้แก่ โรงไฟฟ้า สื่อสาร และการเงิน (ไม่รวมธนาคาร) แต่ถ้าให้พูดถึงกลุ่มที่ขึ้นโดดเด่นสุด ๆ ก็หนีไม่พ้นหุ้นโรงไฟฟ้า

BGRIM, CKP, EGCO, GPSC, GULF, RATCH ต่างก็เป็นหุ้นโรงไฟฟ้าและทำสถิติราคา All-time high มาตลอดไม่ว่าดัชนี SET จะขึ้นหรือลง แต่เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาหลัง SET Index หลุด 1,600 จุด หุ้นโรงไฟฟ้าก็เริ่มออกอาการไปต่อไม่ไหวแล้ว

รูปที่ 1. ดัชนีหุ้นโรงไฟฟ้า 16 ตัว ถ่วงน้ำหนักตามมูลค่าตลาด
รูปที่ 2. ดัชนีหุ้นโรงไฟฟ้าในสหรัฐฯ (Dow Jones Utility)

ในวันเดียวกัน (25/10/2019) หุ้นโรงไฟฟ้าในสหรัฐฯ ก็เริ่มถูกขายทำกำไร สวนทางดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ที่ปิดบวก และ S&P 500 ที่เข้าใกล้ All-time high โดยในภาพรวมหุ้นโรงไฟฟ้าขึ้นมาเฉลี่ย 30% แล้ว ซึ่งสูงกว่ากลุ่มอื่นมาก และส่งผลทางบวกต่อดัชนีเป็นอย่างมาก (impact gainer) แต่ที่เป็นคำถามคือ กำไรโรงไฟฟ้าจะโตตามทันราคาที่ขึ้นมาหรือไม่ คงต้องรอดูงบ 3Q19, 4Q19 กันต่อไป

สาเหตุที่หุ้นโรงไฟฟ้าในไทยปรับตัวขึ้นโดดเด่นเป็นเพราะ 1. หุ้นกลุ่มอื่นแทบทั้งตลาด แนวโน้มกำไรหดตัว โดยเฉพาะกลุ่มน้ำมัน ปิโตรเคมี 2. รายได้ที่ค่อนข้างแน่นอน (ลักษณะคือ ทำสัญญาขายไฟฟ้าให้กฟผ. หรือหน่วยงานอื่น เป็นสัญญาที่กำหนดปริมาณไฟฟ้าและระยะเวลาแน่นอน) 3. อัตราดอกเบี้ยที่ต่ำ ทำให้เกิดภาวะ Searching for yields ในหุ้นโรงไฟฟ้า 4. แผนพลังงานฉบับใหม่เน้นโรงไฟฟ้าแบบ Conventional โดยเฉพาะแก๊สธรรมชาติ ไม่เน้นพลังงานทางเลือกและปรับลด Adder กลุ่มโรงไฟฟ้าพลังงานสะอาดจึงไม่ขยับขึ้นตาม

แต่ราคาหุ้นจะขึ้นมามากเกินไปหรือไม่นั้น คงต้องให้เวลาและผลประกอบการเป็นตัวตัดสิน อย่างไรก็ตาม ถ้าว่ากันตามเทคนิคแล้ว หุ้นโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่แทบทั้งหมดได้เกิดสัญญาณกลับตัวลง จากการพิจารณาด้วยแท่งเทียน ระยะสั้นจึงแนะนำขาย/ตัดขาดทุนออกไปก่อน เช่น RATCH เกิด Bearish engulfing, GPSC เกิด Evening doji star เป็นต้น

No comments:

Post a Comment